DMCR NEWS

กระทรวง ทส. จับมือ กระทรวง สธ. หนุนปลูกป่าสมุนไพร ควบคู่ยกระดับแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สร้างงาน - สร้างรายได้ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

  • 7 มี.ค. 2568
  • 200
กระทรวง ทส. จับมือ กระทรวง สธ. หนุนปลูกป่าสมุนไพร ควบคู่ยกระดับแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สร้างงาน - สร้างรายได้ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

          วันที่ 6 มีนาคม 2568 (เวลา 16.30 น.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) กรมป่าไม้ (ปม.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจเรื่อง “การส่งเสริมและพัฒนาแหล่งปลูกสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์เพื่อนำมาใช้ในระบบสุขภาพและเศรษฐกิจและการพัฒนาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพแบบองค์รวม (Wellness)” โดยมีนายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมเป็นสักขีพยานพิธีลงนามฯ ในโอกาสนี้ ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ และนพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกันลงนามบันทึกความเข้าใจฯ อีกทั้งได้มีคณะผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวง ทส. และกระทรวง สธ. รวมถึงหน่วยงานภาคเอกชน และสื่อมวลชน เข้าร่วมพิธี ณ โรงแรมเดอะ สลิล ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ

          ทั้งนี้ ภายในงานได้มีการจัดแสดงผลงานวิจัยและการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากพืชป่าที่น่าสนใจ โดยกรมทะเล ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์จากป่าชายเลน อาทิ กำแพงเจ็ดชั้น แชมพูสมุนไพรและสบู่สมุนไพรจากเหงือกปลาหมอ แชมพูกำจัดเห็บ หมัด เหา จากใบถอบแถบน้ำ ชาใบขลู่ และชาเหงือกปลาหมอ อีกทั้งยังมีการจัดนิทรรศการที่น่าสนใจ แสดงถึงการนวดไทยอัตลักษณ์ 4 ภาค สมุนไพรท้องถิ่นจากจังหวัดต่างๆ และผลิตภัณฑ์สมุนไพรหลากหลายชนิดทั้งจากภาคเอกชนและภาครัฐ ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามในการผสานภูมิปัญญาดั้งเดิมกับนวัตกรรมสมัยใหม่ สำหรับข้อตกลงความร่วมมือนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2568 ถึง 5 มีนาคม 2571 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการศึกษา วิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ และอนุรักษ์สมุนไพรสายพันธุ์ดั้งเดิมในพื้นที่ป่าตามกฎหมาย รวมถึงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่อนุรักษ์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน โดยใช้ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรไทยที่ผลิตอย่างมีมาตรฐาน สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ภายใต้ข้อตกลงนี้ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จะส่งเสริมและดำเนินการร่วมกับ 3 กรม ของกระทรวง ทส. ซึ่งจะมีบทบาทต่อการสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Wellness) เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ รวมถึงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย และการอนุรักษ์พืชสมุนไพรอีกด้วย

 

 


ข่าว: อิทธิกร ศิริวัชรธนาตย์ นักจัดการงานทั่วไป
ภาพ: วุฒิภัทร วิมุกตานนท์ นายช่างภาพชำนาญงาน

อัลบั้มภาพ

ข่าวสารที่เกี่ยวข้อง