ระหว่างวันที่ 20 – 24 เมษายน 2568 เจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง (สงขลา) ลงพื้นที่สำรวจแนวปะการังบริเวณหมู่เกาะกระ จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อประเมินสถานภาพปะการังใต้ทะเล
ผลการสำรวจบริเวณที่ระดับความลึก 5 – 15 เมตร พบว่าแนวปะการังอยู่ในสภาพเสียหายมาก อุณหภูมิน้ำทะเลอยู่ที่ 30.5 องศาเซลเซียส ความเค็ม 32 พีพีที ความเสียหายส่วนใหญ่เกิดจากเหตุการณ์ปะการังฟอกขาวเมื่อปี 2567 โดยเฉพาะปะการังเขากวาง (Acropora spp.) ซึ่งเป็นกลุ่มเด่นในพื้นที่ พบว่าตายไปมากกว่า 80% และมีสาหร่ายสีน้ำตาลสกุล Lobophora sp. ปกคลุมบนซากปะการัง
อย่างไรก็ตาม ยังพบปะการังชนิดอื่นที่ยังมีชีวิต เช่น ปะการังโขด ปะการังดอกกะหล่ำ ปะการังสมอง ปะการังลายดอกไม้ ปะการังจาน และปะการังดอกเห็ด รวมถึงตัวอ่อนปะการังจานที่เริ่มกลับมาเติบโต
สัตว์ทะเลในพื้นที่ยังคงพบได้ เช่น ปลาสลิดหินคอดำ เม่นทะเล และเต่าตนุในจำนวน 1-2 ตัวต่อพื้นที่ 250 ตารางเมตร พบพฤติกรรมว่ายน้ำหาอาหารและจับคู่ผสมพันธุ์
แต่ยังพบขยะทะเล เช่น เศษอวน เชือก และสายเอ็น ในแนวปะการัง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในระยะยาว
ปะการังเป็นระบบนิเวศสำคัญของทะเล ช่วยเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำและป้องกันคลื่นกัดเซาะชายฝั่ง ภาวะฟอกขาวเกิดจากอุณหภูมิน้ำทะเลสูงเกินไป ทำให้ปะการังขับสาหร่ายที่อาศัยอยู่ร่วมกันออก ส่งผลให้ปะการังกลายเป็นสีขาวและตายในที่สุด การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การไม่ทิ้งขยะลงทะเล และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบคือหนทางสำคัญในการฟื้นฟูแนวปะการัง
# กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง