หน.ชุดฉลามขาวแฉคดีบุกรุกป่าทั่วประเทศโดน “ดองเค็ม” จับกุมนับพันคดีแต่ไม่มีความคืบหน้า ส่วนใหญ่ติดอยู่ที่พนักงานสอบสวน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ลงพื้นที่ติดตามเจอรีสอร์ต ร้านอาหาร ที่ถูกจับไปแล้วยังเปิดให้บริการปกติแถมยังโฆษณาให้คนมาเที่ยว ล่าสุดสั่งฟ้องเจ้าหน้าที่มาตรา 157 ฐานละเว้นปล่อยให้บริษัทดังสร้างท่าเรือรุกป่าชายเลน ด้าน กอ.รมน.เผยคดีป่าไม้ ไม่ได้ป่าคืนมาจริงเหมือนเตะหมูเข้าปากหมา นายทุนวิ่งให้ดองคดีบ้าง สั่งไม่ฟ้องบ้างจนหลุดคดี เตรียมเรียก 3 กรม ทช. ป่าไม้ อุทยานฯ ปรับแผนสู้ใหม่
หน่วยงานปกป้องผืนป่าต่างกุมขมับหลังพบการจับกุมนายทุนรุกป่านับพันคดี กลับไม่มีความคืบหน้า โดยเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.นายรัชชัย พรพา ผอ.ส่วนป้องกันและปราบปราม ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษฉลามขาว กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ทช.ได้ตรวจสอบสถานะคดีในพื้นที่ป่าชายเลนในความรับผิดชอบของสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1-10 ที่ครอบคลุมพื้นที่ป่าชายเลนทั่วประเทศ ทั้งนี้ เริ่มดำเนินการที่สำนักฯ ที่ 1 (ระยอง) ซึ่งรับผิดชอบ จ.ระยอง จันทบุรี ตราด เป็นที่แรกตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า จากการลงพื้นที่ จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ชุดปฏิบัติการพิเศษฉลามขาวเข้าไปจับกุมดำเนินคดีมากที่สุดตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน คดีที่มีการจับกุมไม่มีความคืบหน้าเลย ร้านอาหาร รีสอร์ต ทำนากุ้ง ที่ถูกจับกุมดำเนินคดีเพราะบุกรุกป่าชายเลน เอาแค่ อ.ขลุง อำเภอเดียว ทั้งอะโลฮ่า โฮมสเตย์, ชมจันทร์อะราวเดอะเวิลด์, เพลินพุง, ปลายจันทร์, 108 โฮมสเตย์, บางชันเรือนแพ, ขลุง ริเวอร์วิว, ปัยเลโฮมสเตย์, ทะเลขวัญสมุทร เป็นต้น คดีไม่คืบหน้าเลย ส่วนใหญ่ยังอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวนแทบทั้งสิ้น ขณะที่ร้านอาหาร รีสอร์ต ที่ทำผิดกฎหมายยังเปิดให้บริการปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ต้องพูดถึงคดีบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนเป็นพันไร่ ที่ออกโฉนดโดยมิชอบก็ยังเงียบสนิท
หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษฉลามขาว กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ทช.ได้สอบถามทั้งทางวาจาและส่งเอกสารถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าคดีมีความคืบหน้าไปถึงไหน เพราะไม่สบายใจที่รีสอร์ต ร้านอาหารที่ถูกจับกุมดำเนินคดีไปแล้วยังเปิดให้บริการอยู่ ยังมีการโฆษณาให้ประชาชนไปใช้บริการ ปรากฏว่า ไม่ได้รับคำตอบใดๆจากพนักงานสอบสวนเลย ดังนั้น ทช.จะทำเรื่องไปถึงอัยการสูงสุด เพื่อให้ติดตามทวงคดีอีกทางหนึ่ง เพราะยังมีอีกหลายพื้นที่ป่าชายที่ ทช.จะไปติดตามตรวจสอบสถานะคดี โดยเฉพาะที่ จ.พังงา ภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการบุกรุกและมีการจับดำเนินคดีจำนวนมาก แต่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆทางกฎหมายเช่นกัน
“ทช.พยายามจับกุมดำเนินคดีผู้ที่ทำผิดกฎหมาย แต่อำนาจในการติดตามคดี ไม่ใช่อำนาจโดยตรงของ ทช. สิ่งที่ ทช.ทำได้คือจับกุม ส่งบันทึกจับกุม ไปให้พนักงานสอบสวน แล้วก็ทวงถามผู้ที่เกี่ยวข้อง ทำมากกว่านี้ไม่ได้ ขณะนี้คดีที่ ทช.จับกุมโดนดองไว้เหมือนรอเวลาเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม ทช.พยายามอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการกวดขันเจ้าหน้าที่ของ ทช. ไม่ให้กระทำความผิด ล่าสุด ได้ดำเนินคดี มาตรา 157 กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบที่ จ.ตราด ที่ปล่อยให้บริษัทชื่อดัง สร้างท่าเรือผิดกฎหมายรุกล้ำป่าชายเลนไปแล้ว” นายรัชชัยกล่าว
ด้านนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ที่ปรึกษาชุดปฏิบัติการพิเศษพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ กล่าวว่า การติดตามคดีค่อนข้างมีปัญหา ใช้ระยะเวลายาวนาน เฉพาะคดีของกรมป่าไม้ที่จับกุมดำเนินคดีแล้วไม่มีความคืบหน้ามีเป็นร้อยๆคดีทั่วประเทศ บางคดีจับกุมไปแล้ว ศาลมีคำสั่งให้ออกจากพื้นที่แล้ว ผู้ทำผิดยังไปร้องศาลปกครองให้คุ้มครอง เป็นต้น
ด้านฝ่าย กอ.รมน. กล่าวว่า ปัญหาการดองคดีที่ กอ.รมน.ไปร่วมกับกรมป่าไม้ กรมทรัพยากรทางทะเลฯ จับกุม มีจำนวนเป็นพันๆ คดี เฉพาะในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ทำแล้วเหมือนเตะหมูเข้าปากหมา คือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ช่วยคดีกัน อย่างกรมป่าไม้ หรือ ทช. ไปจับกุมคดีบุกรุกป่า ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ยิ้มเลย กรมป่าไม้ กับ ทช.ได้ป่าคืน แต่ไม่ได้คืนจริง เพราะนายทุนไปวิ่งคดีกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดองคดีไว้มั่ง สั่งไม่ฟ้องมั่ง พอคดีหลุดก็กลับไปทำเหมือนเดิม แล้วส่วนใหญ่คดีที่หลุดไปแล้วจะไม่มีการจับซ้ำทั้งที่รู้ว่าผิด ขณะนี้ กอ.รมน.กำลังนัดประชุมกับชุดปฏิบัติการพิเศษฉลามขาว ของ ทช. พยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ พญาเสือ กรมอุทยานฯ เพื่อหาแนวทางการดำเนินคดีกันใหม่ ต้องปรับแผนกัน
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์