DMCR NEWS

เที่ยวทะเลต้องระวัง “แมงกะพรุน” มีพิษ ไอ้ตัวร้าย อันตรายถึงตายได้

  • 21 มิ.ย. 2562
  • 26,998
เที่ยวทะเลต้องระวัง “แมงกะพรุน” มีพิษ ไอ้ตัวร้าย อันตรายถึงตายได้

เผยแพร่: 20 มิ.ย. 2562 23:38   โดย: ปิ่น บุตรี

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) แนะนำให้รู้จักเกี่ยวกับ “แมงกะพรุน” มีพิษ ให้ประชาชนได้ทำความรู้จักและศึกษาไว้เป็นข้อมูล เพื่อจะได้จำแนกประเภทของแมงกะพรุนได้ถูกต้องก่อนเกิดอันตราย 

แมงกะพรุนมีพิษ

แมงกะพรุน (Jellyfish) เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง โดยทั่วไปมีรูปร่างคล้ายร่มหรือกระดิ่งคว่ำ ตัวแมงกะพรุนประกอบด้วยวุ้นเป็นส่วนใหญ่ มีระบบประสาท แต่ไม่มีสมอง 

แมงกะพรุนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในทะเล แต่มีบางชนิดที่อยู่ในน้ำจืด มักพบในทะเลเขตร้อนหรืออบอุ่น สามารถพบได้ตั้งแต่บริเวณผิวน้ำจนถึงทะเลลึก พิษของแมงกะพรุนจะกระจายอยู่ทั่วไปในทุกส่วนของแมงกะพรุน แต่จะมีมากที่สุดบริเวณส่วนหนวด (tentacle)

สำหรับแมงกะพรุนมีพิษซึ่งเป็นที่รู้จักทั่วไป ได้แก่ แมงกะพรุนกล่อง (Box Jellyfish) แมงกะพรุนไฟ และแมงกะพรุนไฟในกลุ่ม Scyphozoa และ Hydrozoa 

แมงกะพรุนกล่อง

แมงกะพรุนกล่อง (Box Jellyfish) ลักษณะทั่วไป ลำตัวใส รูปร่างเป็นกล่องสี่เหลี่ยมมีหนวดยื่นจากแต่ละมุมของร่มหนวดอาจจะมีการแตกแขนง 

เมื่อสัมผัสถูกแมงกะพรุนมีพิษ พิษของแมงกะพรุนจะเข้าสู่ผิวหนังทันที ซึ่งความรุนแรงของพิษที่ได้รับนั้นจะขึ้นอยู่กับชนิดของแมงกะพรุนกล่องและปริมาณพิษที่ได้รับ 

ส่วนอาการเมื่อได้รับพิษจากแมงกะพรุนเข้าไปในร่างกายมีดังนี้ 

มีรอยแผลเป็นเส้นๆ ไขว้กันไปมาเป็นรอยไหม้อาจมีรอยนูนขีดขวางทำให้ปวดมากบริเวณที่สัมผัส อาจหมดสติตัวเขียวและหัวใจหยุดเต้นได้ หรือ มีรอยแผลเป็นเส้นนูนแดง หรือหากมีอาการปวดบริเวณแผล เจ็บหน้าอก ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน แน่นหน้าอก เหงื่อแตก ภายใน 5-40 นาที แสดงว่าถูกพิษแมงกะพรุน

วิธีปฐมพยาบาล ผู้ช่วยเหลือต้องแน่ใจว่าตัวเองปลอดภัยจากแมงกะพรุน จากนั้นให้รีบนำผู้บาดเจ็บขึ้นจากน้ำหรือไปยังบริเวณที่ปลอดภัยทันที โดยให้ผู้บาดเจ็บอยู่นิ่งๆ เพื่อกันไม่ให้พิษจากแมงกะพรุนกระจายเข้าสู่ร่างกาย ห้ามขัดถูบริเวณที่ถูกพิษแมงกะพรุนเด็ดขาดให้รีบนำน้ำส้มสายชูมาราดบริเวณที่ถูกพิษให้ทั่วถึงอย่างต่อเนื่องนานอย่างน้อย 30 วินาที (ห้ามราดด้วยน้ำจืด) ตะโกนเรียกให้คนช่วยหรือเรียกรถพยาบาลและควรอยู่กับผู้บาดเจ็บตลอดเวลาเพราะผู้บาดเจ็บอาจหมดสติได้ภายในไม่กี่นาที 

ส่วนถ้าหากผู้บาดเจ็บหมดสติไม่หายใจ หรือไม่มีชีพจรให้รีบทำการปั๊มหัวใจโดยกดหน้าอกบริเวณเหนือลิ้นปี่เล็กน้อยเปิดทางเดินหายใจโดยการเชยคางขึ้นจนกว่ารถพยาบาลจะมาถึง หรืออาการดีขึ้นและรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที 

 

ข่าวสารที่เกี่ยวข้อง